ไม่มีใครอยากเผชิญกับสถานการณ์ถูกสัตว์กัด โดยเฉพาะ “สุนัข” และ “แมว” แต่หากเกิดขึ้นแล้ว การปฐมพยาบาลที่ถูกต้องและการป้องกันโรคเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากการดูแลแผลเบื้องต้น สิ่งที่ต้องรู้คือ “โรคพิษสุนัขบ้า” ซึ่งเป็นโรคร้ายแรงที่สามารถติดต่อจากสัตว์สู่คนได้โรคนี้อันตรายแค่ไหน เชื้อเข้าสู่ร่างกายได้อย่างไร และ สัตว์อะไรมีโอกาสเป็นโรคพิษสุนัขบ้า มาหาคำตอบเพื่อปกป้องตัวเองกัน
อ่านข่าว : ความดันดี = ชีวิตดี เคล็ดลับดูแลให้ค่าความดันเป๊ะ ก่อนต้องพึ่งยา
ในปี 2567 ประเทศไทยพบผู้เสียชีวิตยืนยันโรคพิษสุนัขบ้า จำนวนทั้งสิ้น 4 คน ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่ทำให้เสียชีวิตพบว่าเมื่อถูกสุนัขกัด ข่วน แล้วไม่ไปเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า นอกจากนี้ยังพบว่าผู้เสียชีวิตถูกสุนัขของตนเองกัด และไม่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีน เมื่อพบว่าป่วยโรคพิษสุนัขบ้า จึงทำให้เสียชีวิตในที่สุด
“โรคพิษสุนัขบ้า” น่ากลัวแค่ไหน
“โรคพิษสุนัขบ้า” หรือที่หลายคนรู้จักกันนั้นคือ “โรคกลัวน้ำ” เกิดจาก เชื้อไวรัสเรบี่ส์ (Rabies virus) ซึ่งเป็น RNA virus รูปร่างคล้ายกระสุนปืน ปลายด้านหนึ่งโค้งมนและปลายอีกด้านหนึ่งตัดตรง เป็นโรคติดเชื้อในระบบประสาทส่วนกลาง พบในสัตว์เลือดอุ่นทุกชนิด ทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่าและยังติดต่อมาสู่คน
โรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคที่มีความรุนแรง ผู้ที่เป็นจะเสียชีวิตทุกราย
สัตว์อะไรบ้าง มีโอกาสเป็นโรคพิษสุนัขบ้า
สัตว์นำโรคที่พบมากที่สุดคือ “สุนัข” และอื่น ๆ เช่น แมว ม้า ลิง กระต่าย กระแต ลิง ชะนี วัว และ ควาย
ถูกสัตว์กัดเสี่ยง “โรคพิษสุนัขบ้า” แค่ไหน
หากสัตว์ที่กัดไม่ได้ติดเชื้อพิษสุนัขบ้า จะไม่มีโอกาสเป็นโรค แต่หากไม่รู้ว่าสัตว์เป็นโรคหรือไม่ ให้คิดว่าสัตว์เป็นโรคไว้ก่อน และควรปฐมพยาบาลเบื้องต้นทันที ก่อนไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องและฉีดวัคซีน
เชื้อติดต่อมาสู่คนได้อย่างไร
การติดเชื้อที่สำคัญที่สุดคือ การถูกสัตว์ที่เป็นโรคนี้กัด เมื่อเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าเข้าสู่ร่างกายโดยการถูก กัด ข่วน เลีย หรือน้ำลายสัตว์กระเด็นเข้าแผลรอยขีดข่วน เยื่อบุตา จมูก ปาก หรือการปลูกถ่ายกระจกตา จากผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้า, ติดต่อโดยการหายใจ มักเกิดจากมีจำนวนไวรัสในอากาศเป็นจำนวนมาก เช่น ในถ้ำค้างคาว, ติดต่อโดยการกินเนื้อสัตว์ที่ตายจากโรคพิษสุนัขบ้า
ถูกสุนัขบ้ากัด นานเท่าใดจึงมีอาการ
เชื้อจะยังคงอยู่บริเวณนั้นระยะหนึ่ง โดยเพิ่มจำนวนในกล้ามเนื้อ ก่อนจะเดินทางผ่านเข้าสู่เส้นประสาทส่วนปลาย ไขสันหลัง และเข้าสู่สมอง มีการแบ่งตัวในสมอง พร้อมทำลายเซลล์สมอง และปล่อยเชื้อกลับสู่ระบบขับถ่ายต่าง ๆ เช่น ต่อมน้ำลาย น้ำปัสสาวะ น้ำตา ตามแขนงประสาทต่างๆ ทำให้เกิดอาการ
บางรายเกิดอาการช้านานเกิน 1 ปี บางรายเกิดอาการเร็วเพียง 4 วันเท่านั้น แต่โดยเฉลี่ย 3 สัปดาห์ถึง 4 เดือน
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ
- จำนวนเชื้อที่เข้าไป บาดแผลใหญ่ ลึก หรือมีหลายแผล มีโอกาสที่เชื้อจะเข้าไปได้มาก
- ตำแหน่งที่เชื้อเข้าไป หากอยู่ใกล้สมองมาก เชื้อก็จะเดินทางไปถึงสมองได้เร็ว หากน้ำลายถูกผิวหนังปกติ ไม่มีรอยข่วนหรือบาดแผล ไม่มีโอกาสติดโรค การติดต่อโดยการหายใจ มีโอกาสน้อยมาก
ยกเว้นมีจำนวนไวรัสในอากาศเป็นจำนวน มาก เช่น ในถ้ำค้างคาวนอกจากนั้นติดต่อจากการกินได้ หากมีบาดแผลภายในช่องปากและหลอดอาหาร ซึ่งจะพบกรณีสัตว์กินเนื้อสัตว์ที่ป่วยตายใหม่ ๆ
- อายุคนที่ถูกกัด เด็กและคนชราจะมีความต้านทานของโรคต่ำกว่าคนหนุ่มสาว
- ความรุนแรงของเชื้อ เชื้อจากสัตว์ป่าอันตรายกว่าสัตว์เลี้ยง สุนัขและแมวที่ป่วยด้วยโรคพิษสุนัขบ้า สามารถแพร่เชื้อได้ก่อนแสดงอาการ เพราะ เชื้อจะออกมาในน้ำลายเป็นระยะ ๆ ประมาณ 1-7 วัน ก่อนแสดงอาการ
อาการป่วยที่พบ
ลักษณะอาการเมื่อได้รับเชื้อ โรคพิษสุนัขบ้า เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ คันรุนแรงบริเวณบาดแผล คลุ้มคลั่ง กลัวแสง กลัวลม กลืนอาหารไม่ได้โดยเฉพาะของเหลว และหายใจลำบากเนื่องจากกล้ามเนื้อกระบังลมเป็นอัมพาต และเมื่อผู้ติดเชื้อแสดงอาการแล้วจะไม่สามารถรักษาให้หายได้ และเสียชีวิตทุกคน
ถูกสุนัขกัด ข่วน เลีย ควรปฎิบัติตัวอย่างไร
- ล้างแผล ด้วยสบู่ และน้ำสะอาด อย่างเบา ๆ หลายครั้ง
- ใส่ยา ใส่ยาเบตาดีน บริเวณที่ถูกกัด ข่วน
- กักหมา และแมว เพื่อสังเกตอาการ 10 วัน หากตายให้รีบส่งตรวจหาเชื้อพิษสุนัขบ้า
- พบแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง และไปตามนัดทุกครั้ง
- ฉีดวัคซีน ฉีดวัคซีนต่อให้ครบชุด และตรงตามนัด
พญ.ลานทิพย์ เหราบัตย์ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดชลบุรี ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า เมื่อถูกสุนัขกัด ห้ามบีบเค้นบาดแผล ให้ล้างแผลด้วยน้ำและสบู่ ให้สะอาดหลายๆครั้ง หากแผลลึกให้ล้างถึงก้นแผล อย่างน้อย 15 นาที เช็ดแผลด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ถ้าไม่มีให้ใช้แอลกอฮอล์ 70% หรือทิงเจอร์ไอโอดีน และห้ามปิดแผล
กักสุนัข/แมวที่กัดเพื่อดูอาการ อย่างน้อย 10 วัน และรีบไปพบแพทย์ เพื่อพิจารณาให้วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ต้องฉีดวัคซีนให้ครบทุกเข็ม เพื่อการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าอย่างมีประสิทธิภาพ และสิ่งที่สำคัญที่สุด ควรนำสัตว์เลี้ยงไปรับวัคซีนกระตุ้นเป็นประจำทุกปี อีกทั้งเฝ้าระวังโรคในสัตว์ หากพบว่าตนเองสัมผัสเสี่ยงสูงกับสัตว์ที่มีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า ควรรีบพบแพทย์ เพื่อเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและรับให้ครบทุกเข็ม
ประชาชนมีพฤติกรรมการป้องกันโรคไม่ถูกต้อง มีความเชื่อว่า สุนัข แมว ที่ตัวเองเลี้ยงปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า เมื่อถูกสุนัข แมวกัด ข่วน ไม่มีการล้างแผลและไม่ไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
คำแนะนำสำหรับผู้เลี้ยง สุนัข แมว
ผู้เลี้ยงสัตว์ควรปฏิบัติอย่างไร ให้สัตว์ปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า
- เจ้าของสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข แมว ต้องนำสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีน ครั้งแรกเมื่อสัตว์เลี้ยงมีอายุ 2-4 เดือน แล้วฉีดซ้ำตามกำหนดทุกปี
- ไม่ปล่อยสัตว์เลี้ยงออกนอกบ้านตามลำพัง โดยไม่ใส่สายจูง
- พาสุนัขหรือแมวที่ตนเลี้ยงไปทำหมันเพื่อจำกัดการเพิ่มจำนวนของสัตว์เลี้ยง
- หากพบว่าสุนัข แมว เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์
- หากพบเห็นสุนัขจรจัด สามารถแจ้งอบต. หรือเทศบาลใกล้บ้าน
เทคนิค การลดความเสี่ยงถูกสุนัขกัด หรือทำร้าย
ลดความเสี่ยงถูกสุนัขกัดหรือทำร้าย กลุ่มโรคติดต่อ สคร.6 ชลบุรี แนะนำ ยึดหลักคาถา 5 ย. ดังนี้
1. อย่าแหย่ ให้สุนัขโมโห โกรธ
2. อย่าเหยียบ หาง หัว ตัว ขา หรือทำให้สุนัขหรือสัตว์ต่างๆ ตกใจ
3. อย่าแยก สุนัขที่กำลังกัดกันด้วยมือเปล่า
4. อย่าหยิบ ชามข้าวหรือย้ายอาหารขณะที่สุนัขกำลังกินอาหาร
5.อย่ายุ่ง หรือเข้าใกล้กับสุนัขหรือสัตว์ต่างๆ นอกบ้านที่ไม่มีเจ้าของหรือไม่ทราบประวัติ
สุดท้าย ลดความเสี่ยงการรับเชื้อ หากถูกสุนัข-แมวกัด ข่วน หรือเลียบาดแผล แม้เพียงเล็กน้อย อย่าชะล่าใจ ควร รีบล้างแผล ใส่ยา กักหมา หาหมอ ฉีดวัคซีนให้ครบ
อ้างอิงข้อมูล : กรมควบคุมโรค, กลุ่มโรคติดต่อ สคร.6 ชลบุรี
อ่านข่าว : ชื่อนอกจังหวัดโผล่! ขอใช้สิทธิที่ดิน คทช.ท่าตะเกียบของนายทุนจีน