วันนี้ (13 เม.ย.2568) ที่ จ.ลำพูน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาคณะก้าวหน้า และนายวีระเดช ภู่พิสิฐ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ลำพูน ให้สัมภาษณ์สื่อก่อนร่วมกิจกรรมสงกรานต์กับประชาชนในพื้นที่
โดยนายณัฐพงษ์กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศพร้อมเดินทางไปเจรจากำแพงภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ ว่า การเจรจาควรนำโดย “ทีมเจรจาไทยแลนด์” อย่างเป็นทางการและนายกฯ แพทองธารมากกว่า เพื่อความเหมาะสมและประสิทธิภาพ
นายณัฐพงษ์ย้ำว่า การเจรจากับสหรัฐฯ ต้องเตรียมพร้อมทั้งข้อมูลและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรอง โดยเฉพาะใน จ.ลำพูน ที่มีนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งผู้ประกอบการกังวลผลกระทบจากกำแพงภาษี ทั้งนี้ นายวีระเดชได้เริ่มหารือกับผู้ประกอบการในพื้นที่เพื่อรวบรวมข้อเสนอส่งต่อทีมเจรจา พร้อมให้กำลังใจรัฐบาลทำงานเต็มที่ แม้จะวิจารณ์ว่าหากเตรียมตัวเร็วกว่านี้ ภาพลักษณ์ของไทยจะน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น
ด้านนายวีระเดชเผยว่า อบจ.ลำพูนเป็นหน่วยงานแรก ๆ ที่ลงพื้นที่หารือกับผู้ประกอบการ เพื่อประเมินผลกระทบและจัดทำข้อเสนอแนะให้รัฐบาล โดยหวังปกป้องเศรษฐกิจท้องถิ่นจากความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีสหรัฐฯ
เมื่อถามถึงจุดยืนของพรรคประชาชน นายณัฐพงษ์ระบุว่า ต้อง “รู้เขารู้เรา” สร้างความร่วมมือระหว่างประเทศควบคู่ไปกับการแข่งขันด้านราคาสินค้า เพื่อให้ไทยมีแต้มต่อในการเจรจา ส่วนการที่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง ระบุว่าการเจรจาในกรอบอาเซียนอาจยาก เขาเห็นว่าการเจรจาภาพใหญ่นั้นใช้เวลานานจริง แต่รัฐบาลต้องเร่งสร้างความน่าเชื่อถือ
พิธาบอก “ผมมาเที่ยว ไม่เกี่ยวการเมือง”
เมื่อถูกถามถึงมุมมองต่อกรณีนายทักษิณ นายพิธาเลือกตอบแบบสบาย ๆ ว่า “ผมมาเที่ยว ไม่เกี่ยวครับ” และเห็นด้วยกับนายณัฐพงษ์และนายวีระเดช โดยระบุว่าไม่มีคอมเมนต์เชิงบวกหรือลบต่อคำพูดของนายทักษิณ พร้อมยังชี้ว่านายทักษิณพูดชัดเจนว่าให้ทีมเจรจาทำงานไปก่อน และหากมีจังหวะค่อยเดินทางไป ซึ่งนายพิธาเห็นว่าใน ครม. มีบุคคลที่มีความสามารถ เช่น นายพิชัย ควรได้รับโอกาสนำการเจรจา
นายพิธายังกล่าวถึงการลงพื้นที่ลำพูนว่าไม่ได้เจาะจงพื้นที่ใดเป็นพิเศษ แต่เป็นส่วนหนึ่งของการเดินสายพบปะประชาชนในช่วงสงกรานต์ ซึ่งพรรคประชาชนมีตัวแทนกระจายไปหลายจังหวัด เพื่อรับฟังปัญหาและร่วมเฉลิมฉลองเทศกาล
ในประเด็นเสถียรภาพรัฐบาลหลังสงกรานต์ นายพิธาแสดงความกังวล โดยชี้ว่าพรรคร่วมรัฐบาลมีความขัดแย้งฝังรากมานานกว่า 10 ปี และรอเพียงเวลาที่ความขัดแย้งจะปะทุ แนะนำให้ผู้นำรัฐบาลและ ครม. มีสมาธิ คิดถึงประชาชนเป็นหลัก และอย่าให้เกมการเมืองมาก่อนผลลัพธ์ที่ประชาชนควรได้รับ
นายณัฐพงษ์เสริมว่า ได้เตือนพรรคเพื่อไทยและ นายกฯ มานานแล้วว่า ต้องควบคุมเสียงในรัฐบาลให้ได้ ความไม่แน่นอนในพรรคร่วมทำให้ประชาชนและนักลงทุนขาดความเชื่อมั่น โดยเฉพาะเมื่อมีสงครามการค้าเป็นปัจจัยเสี่ยง เขาย้ำว่ารัฐบาลต้องสร้างความมั่นใจเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจและโอกาสที่อาจสูญเสียไป
เท้งจับตาความโปร่งใส สตง.หลังตึกถล่ม
นายณัฐพงษ์ยังกล่าวถึงกรณีอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มว่า ฝ่ายค้านจะติดตามเรื่องนี้ต่อ โดยระบุว่า สตง. มีหน้าที่สำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ การควบคุมกฎระเบียบการใช้จ่ายงบประมาณ การวิเคราะห์ความคุ้มค่า และการตรวจสอบงบการเงินให้ได้มาตรฐาน
พร้อมวิพากษ์วิจารณ์ว่าการก่อสร้างตึก สตง. มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ถูกตั้งคำถามถึงความคุ้มค่า และรายงานการเงินของหลายหน่วยงานยังมีเงื่อนไข ซึ่ง สตง. ต้องรับผิดชอบ
ขณะนี้ฝ่ายค้านรอการแถลงของ สตง. หลังสงกรานต์ โดยจะดูรายละเอียดอย่างใกล้ชิด และย้ำว่าความโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะหากมีข้อครหาการทุจริตจะยิ่งทำให้ประชาชนหมดศรัทธาในรัฐบาล ปัจจุบัน ฝ่ายค้านได้ผลักดันให้ สตง. เข้าชี้แจงในคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณแล้ว
ปิดท้ายด้วยบรรยากาศสงกรานต์ นายณัฐพงษ์และนายพิธา ร่วมกิจกรรมเล่นน้ำกับประชาชนที่ลำพูน โดยนายณัฐพงษ์อวยพรให้คนไทยมีความสุข ความเจริญ และร่วมกันเดินหน้าประเทศ พร้อมย้ำว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการพบปะประชาชนตามปกติ ไม่ได้มุ่งแข่งขันทางการเมืองกับฝ่ายใด
อ่านข่าวอื่น :
วันแรกสงกรานต์สีลม-ข้าวสาร ยอดคนร่วมงานทะลุ 1.1 แสนคน
ฉ่ำน้ำไม่ฉุนใจ! สธ. แนะ 4 ทริกเด็ดสงกรานต์ สู้แดดร้อน สนุกทั้งวัน