Skip to content

KUBET – ส่องวิถีชาวบ้านชายขอบ “ไทย-พญาตองซู” ชีวิตในคืนไร้แสงไฟ

ส่องวิถีชาวบ้านชายขอบ “ไทย-พญาตองซู” ชีวิตในคืนไร้แสงไฟ

อ่านให้ฟัง

09:26อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

อาจยังไม่ใช่คนจีน “แก๊งจีนเทา” หรือ “เหยื่อคอลเซนเตอร์” ล็อตสุดท้าย ที่ทางการจีนได้จัดเครื่องบินจำนวน 19 เที่ยวบิน มารับตัวบุคคลสัญชาติจีนที่เกี่ยวข้องกับขบวนการคอลเซนเตอร์ กลับประเทศในวันที่ 6-9 มี.ค. 2568 นี้ จำนวน 1,439 คน และต้องติดตามว่า หลังจากนี้จะมีการส่งคืนเพิ่มเติมอีกหรือไม่ หากครบกำหนดมาตรการตัดกระแสไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และระบบสาธารณูปโภคที่จะครบ 3 เดือนพ.ค.นี้

ด้านหนึ่ง แม้จะมีการนำชาวจีนและชาวต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับขบวนการคอลเซนเตอร์ ออกจากเมืองเมียวดี และเมืองพญาตองซู เพื่อส่งกลับประเทศต้นทางหลายครั้ง นับตั้งแต่รัฐบาลไทยมีมาตรการตัดไฟฟ้าอินเทอร์เน็ต และน้ำมันที่ส่งไปเมียนมา 1 เดือนแล้ว

แต่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน กลับไม่ใช่ กลุ่มทุนจีนเทา เจ้าของแหล่งบันเทิง หรือกาสิโน แต่เป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมขอบชายแดนของทั้งสองประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคนไทย คนเมียนมา หรือแม้แต่คนมอญ ที่อาศัยอยู่ในรัฐกะเหรี่ยง

แม่ค้าชาวไทยรายหนึ่ง ที่ค้าขายอยู่ในตลาดด่านพระเจดีย์สามองค์ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี บอกว่า การค้าขายในช่วงก่อนปิดด่าน แม้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่มาก แต่ก็ยังพอขายได้ โดยเฉพาะในช่วงเสาร์-อาทิตย์ หรือช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาว แต่หลังจากรัฐบาลตัดไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ต การค้าขายค่อนข้างจะซบเซา

“ผลกระทบในส่วนของพวกเราที่ค้าขายอยู่ชายแดน คือ ระบบสัญญาณโทรศัพท์ ที่ไม่เสถียร โทรติดบ้างไม่ติดบ้าง เป็นช่วง ๆ แต่ส่วนอื่น ๆ ไม่กระทบอะไร ยังสามารถใช้ชีวิตตามปกติ รถขนส่งสินค้าก็ยังเข้าไปที่ลานจอด ขนถ่ายสินค้าได้ตามปกติ” แม่ค้าคนเดิม กล่าว

พ่อค้าคนหนึ่งในตลาด บอกว่า การค้าขายสะดุดพอสมควร ทราบจากคนเมียนมาที่เข้ามาซื้อของกินและพวกที่ข้ามแดนมาทำงานว่า ราคาน้ำมันในตลาดสูงถึงลิตรละ 60 บาท ในฝั่งนั้น มีปั้มหลอดนำน้ำมันจากเมียนมาเข้ามาขาย แต่ชาวบ้านไม่นิยมบอกว่าคุณภาพสู้น้ำมันจากประเทศไทยไม่ได้ 

แม้จะมีการตัดไฟฟ้า งดให้บริการอินเทอร์เน็ต และพลังงานในพื้นที่ชายแดนด่านเจดีย์สามองค์-เมืองพญาตองซู แต่ในทุก ๆ วัน ชาวบ้านทั้งสองฝั่งยังสามารถเดินทางผ่านจุดผ่อนปรน เข้ามาทำงานและหาซื้อสินค้าได้ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.โดยใช้บัตรผ่านแดนชั่วคราว 

โดยเฉพาะน้ำมันที่ชาวเมียนมาถูกจำกัดให้ซื้อได้ไม่เกินคนละ 6 ลิตร/วัน และหลังจาก 18.00 น. ด่านพรมแดนปิด ชายแดนด้านนี้ก็เงียบเหงา ไม่เฉพาะฝั่งไทย แต่เมียนมา ก็ไม่ต่างกัน

ชาวบ้านรายหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในเมืองพญาตองซู บอกว่า ใช้ชีวิตค่อนข้างลำบาก เพราะไม่มีไฟฟ้า จึงใช้แก้ปัญหาด้วยการซื้อแผงโซลาร์ เซลล์ มาติดตั้ง หากบ้านไหนที่มีฐานะดีก็จะซื้อเครื่องปั่นไฟมาใช้

“บางบ้านก็ใช้เทียนไข และซื้อแผงโซลาร์เซลมาใช้ บางหลังคาเรือนกลับไปใช้ตะเกียงน้ำมัน ส่วนการหุงต้ม และทำกับข้าว ก็ใช้เตาถ่าน หรือฟืน …ถ่านราคาแพงมาก เมื่อก่อนกระสอบละ 200 บาท ตั้งแต่ฝั่งไทยตัดไฟ ถ่านขึ้นราคากระสอบละ 400 บาท”

ไม่เพียงแต่ชาวบ้านในเมืองเมียวดีที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังมีวัด และโรงเรียน ซึ่งได้รับความเดือดร้อนไม่ต่างกัน

พระภิกษุชาวมอญรูปหนึ่ง บอกว่า ตอนกลางคืนจะอาศัยเทียนพรรษาที่ชาวบ้านนำมาถวายวัดจุดเพื่อให้แสงสว่าง รวมทั้งแสงจากโซลาร์เซลล์ เพราะวัดไม่มีเครื่องปั่นไฟ และไม่สามารถดูดน้ำจากบ่อบาดาลมาใช้ได้ ต้องซื้อน้ำจากรถน้ำมาใช้ในราคาคันละ 500 บาท

“โชคดีที่งานประจำปีของวัดผ่านพ้นไปแล้ว ไม่เช่นนั้นคงลำบากมากกว่านี้ ตอนนี้วัด ชาวบ้านและโรงเรียนต้องช่วยเหลือกัน วัดได้รับบริจาคเทียน ก็แบ่งให้โรงเรียนไปใช้ เพราะที่โรงเรียนมีเด็กนักเรียนจำนวนมาก” พระภิกษุรูปหนึ่ง กล่าว

ขณะที่ครู เล่าว่า ไม่มีปัญหาเรื่องการเรียนการสอน แต่จะมีปัญหาช่วงนักเรียนสอบ เพราะครูต้องโรเนียวกระดาษข้อสอบ แต่ไม่มีไฟฟ้าก็ไม่สามารถใช้เครื่องโรเนียวได้ ต้องเข้าผ่านแดนเข้ามาถ่ายเอกสารที่ร้านถ่ายเอกสารที่ประเทศไทย 

“น้ำประปา ไม่มีใช้ เพราะถูกตัดน้ำด้วย นักเรียนต้องเดินไปอาบน้ำบ่อ ซึ่งอยูู่ห่างจากโรงเรียนประมาณ 1 กิโลเมตร ส่วนน้ำที่ใช้ทำอาหาร และใช้ในห้องน้ำก็ต้องซื้อจากรถขายน้ำ …พวกเราไม่ได้โกรธประเทศไทยที่ตัดน้ำไฟ แต่รู้สึกไม่ชอบกลุ่มหลอกตังค์ที่เข้ามาอยู่ที่นี่ และทำให้ทุกคนได้รับความเดือดร้อนไปด้วย” ครูคนเดิม กล่าว

และตั้งคำถามที่ตอบไม่ได้ว่า เมื่อไหร่ประเทศไทยจะปล่อยไฟฟ้าและน้ำประปามาให้

ในช่วงเหตุการณ์กวาดล้างอาชญากรรมชายแดน ด้วยการขนเหยื่อและแก๊งคอลเซนเตอร์คนจีนกลับประเทศ ล็อตแรกเมื่อวันที่ 21 ก.พ. ไม่เพียง พ.อ.ชิตู หรือ พ.อ.ซอว์ ชิต ตู (Saw Chit Thu) ผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง (BGF) ซึ่งดูแลพื้นที่ฝั่งเมียนมา ที่มีทุนจีนสีเทาและบ่อนกาสิโน ในพื้นที่ จ.เมียวดี จนถึงด้านใต้ ปฏิเสธว่า ไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้เสียจากแก๊งคอลเซนเตอร์

ยกเว้นได้รับค่าเช่าที่ดิน เมื่อปี 2018 จากการเข้ามาลงทุนทำธุรกิจของ Yatai International Holding Group ซึ่งรับสัมปทานเช่าที่ดินจากรัฐบาลเมียนมาที่กรุงเนปิดอว์ ผ่านคณะกรรมการประสานความร่วม มือทางเศรษฐกิจให้พัฒนาพื้นที่ โดยทำถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง

พ.อ.ชิต ตู กล่าวในครั้งนั้นว่า ตั้งแต่มีข่าวพบแก๊งคอลเซนเตอร์และขบวนการค้ามนุษย์ใน จ.เมียวดี กองกำลัง BGF ได้ออกปฏิบัติการกวาดล้างตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. และยืนยันว่าจะเดินหน้าทำอย่างต่อเนื่องให้จบสิ้นภายในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา

แก๊งคอลเซนเตอร์ทำลายคนทั้งโลก ซึ่งทุกพื้นที่ที่อยู่ในการดูแลของกองกำลัง BGF มีการจัดกำลังทหารปราบปรามในทุกพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นชเวโก๊กโก่หรือเคเคพาร์ก เป็นคำกล่าวของ พ.อ.ชิต ตู 

ขณะที่กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธ หรือ เคบีเอ (Democratic Karen Buddhist Army : DKBA ) ในฐานะผู้ดูแลพื้นที่คุมพื้นที่เมืองชูกลี เมืองเมียวดีฝั่งใต้ จนถึงเมืองพญาตองชู ตรงข้ามด่านเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรี 

พ.อ.ซาน เอ่า ผู้บัญชาการทหารกะเหรี่ยงดีเคบีเอ (DKBA) ออกมายืนยัน หลังรัฐบาลไทยตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และงดจำหน่ายน้ำมันให้ว่า พร้อมกวาดล้างสถานประกอบการที่ทำผิดกฎหมายในพื้นที่รับผิดชอบ ในฝั่งเมียนมาทั้งหมด หากพบจะขับไล่ออกไป

และจะให้ความช่วยเหลือเหยื่อ แต่ยังคงไว้ซึ่งธุรกิจอันเป็นที่ยอมรับทั่วไป คือ กาสิโน และงานบริการในโรงแรมงานทั่วไป ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวง และแก๊งคอลเซนเตอร์

คำยืนยันดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่า กองกำลัง (DKBA) ยังเดินหน้าทำ “ธุรกิจกาสิโนและบริการโรงแรม” ในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ อ.เมียวดี และใน จ.พญาตองซู ซึ่ง พ.อ.ซอเอ วัน ผู้บังคับการยุทธวิธีที่ 2 ดีเคบีเอ ในพื้นที่ อ.พญาตองซู ได้ออกประกาศตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. ว่า จะผลักดันจีนเทาให้พ้นพื้นที่ที่ติดชาย แดน อ.แม่สอด – อ.พบพระ ถึงเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ออกให้หมดเมื่อปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา

ท่ามกลางกระแสข่าวในพื้นที่ฝั่งเมืองพญาตองซู ว่า ที่นั่นยังมีเหยื่อแก๊งคอลเซนเตอร์ถูกบังคับให้ทำงาน เพราะมีดาวเทียมสตาร์ลิงค์รองรับ ส่วนธุรกิจกาสิโนไม่ได้รับผลกระทบ และยังเปิดกิจการได้เพราะมีเครื่องปั่นไฟใช้ มีนายทุนจีนอีก 9 คนที่ทางการจีนต้องการตัว แอบหลบซ่อนอยู่

อีกทั้งยังมีความพยายามที่จะสร้างเมืองใหม่กาสิโนและคอลเซ็นเตอร์ต่อไป…จึง น่าจับตาว่า นับแต่นี้วิถีชีวิตคนชายขอบไทย-เมียนมา ด้านตะวันตก จะดำเนินต่อไปอย่างไร 

อ่านข่าว : เหยื่อสแกมเมอร์ลดเกือบครึ่ง ภาคประชาชน หวังรัฐเร่งติดตามเงินคืนผู้เสียหาย

ตรวจสอบลอบขนสินค้า-แรงงานข้ามชาติ “ชายแดนชุมพร”

วันที่ 2 ส่งชาวจีนเหยื่อแก๊งคอลเซนเตอร์ ล็อต 2 กลับประเทศ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *