Skip to content

KUBET – เหยื่อสแกมเมอร์ลดเกือบครึ่ง ภาคประชาชน หวังรัฐเร่งติดตามเงินคืนผู้เสียหาย

เหยื่อสแกมเมอร์ลดเกือบครึ่ง ภาคประชาชน หวังรัฐเร่งติดตามเงินคืนผู้เสียหาย

อ่านให้ฟัง

07:05อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

พบเหยื่ออาชญากรรมออนไลน์ในภาคเหนือ ลดลงกว่า 40 % หลังรัฐบาลใช้มาตรการตัดไฟ-อินเทอร์เน็ต-งดส่งน้ำมันไปประเทศเพื่อนบ้าน และ ซีลชายแดนมากว่า 1 เดือน ล่าสุดตำรวจยังเร่งสาวตัวการใหญ่ และเครือข่ายในประเทศ ขณะที่ภาคประชาชนคาดหวังภาครัฐเร่งติดตามเงินคืนผู้เสียหาย

เพจเฟซบุ๊ก สภ.แม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ โพสต์ภาพกลุ่มแก๊งคอลเซนเตอร์แอบอ้างเป็นตำรวจ สภ.แม่โจ้ หลอกลวงประชาชน อ้างว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอาชญากรรม ต้องทำการตรวจสอบทรัพย์สิน ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชี “ปลอดภัย” ซึ่งมีผู้ที่ตกเป็นเป้าหมาย อยู่ในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้

นี่คือหนึ่งในมาตรการเชิงรุกของทางตำรวจในภาคเหนือ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่มักอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หลอกลวงให้โอนเงิน ทำให้คดีการหลอกลวงผ่านทางออนไลน์มีสถิติสูงเป็นอันดับต้นๆ จนแต่ละ สภ.ต้องตั้งพนักงานสอบสวนดูแลคดีเป็นกรณีพิเศษ

ล่าสุดหลังรัฐบาลออกมาตรการกดดันปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ และ สแกมเมอร์ ในพื้นที่ชายแดน ด้วยการตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-งดส่งน้ำมัน มากว่า 1 เดือน ก็พบว่า สถิติคดีหลอกลวงออนไลน์ ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ลดลง 40 % แบบมีนัยยะสำคัญ

พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบช.ภ.5

พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบช.ภ.5

พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบช.ภ.5

พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบช.ภาค 5 เปิดเผยว่า แก๊งคอลเซนเตอร์ เป็นองค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่ ที่จัดตั้งขึ้นแบบหลวมๆ แต่มีการแบ่งงานกันอย่างชัดเจน โดยผู้ทำหน้าที่ล่อลวงผ่านทางโทรศัพท์เป็นกลุ่มคนที่ทำงานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนกลุ่มจัดหาบัญชีม้า ดูแลเรื่องการเงิน และ ฟอกเงิน เป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวในประเทศไทย

การปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ต้องทำในหลายมิติ มิติหนึ่ง คือ การตัดวงจรไม่ให้คนไทยข้ามแดนไป เพื่อหลอกลวงคนไทยด้วยกัน ขณะที่อีกมิตินึง คือ เรื่องการฟอกเงิน การติดตามทรัพย์สิน การออกหมายจับคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง คนที่อยู่เบื้องหลัง เป็นหน้าที่ของพนักงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งตำรวจภูธรภาค 5 มีการเร่งรัด ออกหมายจับผู้อยู่เบื้องหลัง และ เตรียมปิดล้อมตรวจค้นใหญ่อีกครั้ง

พล.ต.ต.ธวัชชัย ระบุว่า ประชาชนยังต้องเรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกหลอก เพราะองค์กรอาชญากรรมเหล่านี้เปลี่ยนวิธีการหลอกลวงไปเรื่อยๆ ประชาชนต้องมีสติ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน จะเป็นคาถาป้องกันตัว ขณะนี้คดีหลอกลวงออนไลน์ลดลงเกือบ 50 % แต่จะต้องร่วมมือกันทำงานต่อไป ไม่ใช่แค่ข้าราชการ แต่ภาคเอกชน และ ประชาชน ต้องร่วมมือกันในทุกๆภาคส่วน

อาชญากรรมทางเทคโนโลยี เราไม่สามารถจัดสายตรวจไปป้องกันภัยให้กับประชาชนได้ ประชาชนต้องช่วยกันในการป้องกันตัวเอง ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจภูธรภาค 5 และ ตำรวจภูธรจังหวัดต่างๆ ได้ทำคลิปเผยแพร่ความรู้ อย่างสม่ำเสมอ ก็ขอให้ทุกคนเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน ในการป้องกันตัวเอง

นอกจากสถิติคดีหลอกลวงออนไลน์จะลดลงเกือบครึ่งแล้ว จำนวนผู้เสียหายที่เข้าร้องเรียนกับสภาองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งเป็นหน่วยงานภาคเอกชนที่มีบทบาทในการให้ความรู้ และ ช่วยเหลือเหยื่อถูกหลอกลวงผ่านทางออนไลน์ก็มีจำนวนลดลงเช่นกัน

ลำดวน มหาวัน หัวหน้าหน่วยงานประจำจังหวัดเชียงใหม่ สภาองค์กรของผู้บริโภค

ลำดวน มหาวัน หัวหน้าหน่วยงานประจำจังหวัดเชียงใหม่ สภาองค์กรของผู้บริโภค

ลำดวน มหาวัน หัวหน้าหน่วยงานประจำจังหวัดเชียงใหม่ สภาองค์กรของผู้บริโภค

ลำดวน มหาวัน หัวหน้าหน่วยงานประจำจังหวัดเชียงใหม่ สภาองค์กรของผู้บริโภค เปิดเผยว่าก่อนหน้านี้ใน จ.เชียงใหม่ จะได้รับการร้องเรียนจากเหยื่อถูกหลอกลวงทางออนไลน์ ประมาณเดือนละ 5-6 ราย แต่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบเคสร้องเรียนเพียง 1 ราย เป็นการหลอกให้ไปลงทุน มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 5 หมื่นบาท

ปัจจัยสำคัญน่าจะมาจากข่าวการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำให้ประชาชนตื่นตัวมากขึ้น แต่ก็ยังมีประชาชนจำนวนหนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อ เพราะไม่รับทราบข้อมูลข่าวสาร

ภาครัฐควรใช้โอกาสนี้ เร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภค ตื่นรู้ นำบทเรียนจากเคสที่ถูกหลอก มาเตือนผู้บริโภคให้หนัก เคสที่ร้องเรียนมา ผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่จะอ้างว่าเป็นตำรวจ อ้างเป็น จนท.สรรพากร เจ้าหน้าที่ดิน หรือ กรณีล่าสุด คือ หลอกให้ลงทุนผ่านทางออนไลน์ ซึ่งหากเหยื่อหลงเชื่อ ก็จะไม่ได้เงินคืน

คณะทำงานองค์กรผู้บริโภค ระบุอีกว่า แม้ว่าการปราบปรามจะได้ผล แต่ยังคงมีผู้เสียหายถูกหลอกในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การแอบอ้างเป็นหน่วยงานรัฐเพื่อขอข้อมูลส่วนบุคคล หรือ ให้โอนเงิน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ประชาชนหลงเชื่อมักเกิดจากความไม่รู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพ

จึงเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มการประชาสัมพันธ์ และ ให้ความรู้เกี่ยวกับกลโกงใหม่ ๆ เพื่อให้ประชาชนระวังและไม่ตกเป็นเหยื่อ จัดตั้งช่องทางการแจ้งเหตุที่เข้าถึงง่ายและรวดเร็ว เช่น สายด่วน หรือ แพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อให้ประชาชนสามารถรายงานเหตุได้ทันที และ ประสานงานกับธนาคาร สถาบันการเงิน ในการตรวจสอบและอายัดบัญชีที่ต้องสงสัยอย่างรวดเร็ว

องค์กรภาคประชาชนมองว่าการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ เป็นโอกาสในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและประชาชน เพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ มองว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สมควรได้รับการชื่นชมการดำเนินงานช่วยเหลือเหยื่อ เช่น การเปิดศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) และ การประสานงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย ในการพัฒนาระบบตรวจจับบัญชีต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม ยังต้องการให้มีมาตรการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการอายัดบัญชี และ ติดตามเงินคืนให้กับเหยื่อ

รายงาน : พยุงศักดิ์ ศรีวิชัย ผู้สื่อข่าวอาวุโสไทยพีบีเอส ศูนย์ข่าวภาคเหนือ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *